สนาม: การเงินหุ้นจีน
บทนำ: อีกไม่ถึง 10 วัน ก็จะถึงช่วงเวลาสำหรับทัวร์นาเมนต์กีฬาที่ประชาชนชาวไทยเฝ้ารอมากที่สุด นั่นคือ ฟุตบอลโลก 2018 ที่จัดขึ้นที่ประเทศรัสเชีย ระหว่างวันที่ 14 มิย- 15 กค ขนาดเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน แต่ทำไมกระแสบอลโลกฟีเวอร์ปีนี้มันช่างหงอยเหงาเสียจริงๆ จากการตามติดสื่อต่างๆ การนำเสนอข่าวฟุตบอลโลกไม่มีความคึกคักเอาเสียเลย ปกติก่อนเริ่มแข่งจะต้องมีข้อมูลทีมฟุตบอล ตารางการแข่งขัน และตารางถ่ายทอดสด ออกมาให้แฟนบอลได้ติดตาม แต่ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่า คู่ไหน เตะเวลาอะไร ช่องไหน ถ่ายทอดสด เรียกว่า บอลโลกเที่ยวนี้บรรยากาศหงอยๆ ของจริง ซึ่งต้องยอมรับว่า เรื่องลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกเกิดปัญหามากในการจัดการ เนื่องจาก กสทชบังคับว่า รายการนี้จะต้องเป็นรายการที่เข้ากฎ Must have ซึ่งจะต้องถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีเท่านั้น หลังจากเกิดปัญหาจอดำ จากเหตุการณ์ฟุตบอลยูโร และฟุตบอลโลก มาก่อนหน้านี้ แต่ปัญหาก็คือ รายการฟุตบอลทั้ง 2 ทัวร์นาเมนต์นั้น ช่องฟรีทีวีเคยซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอด ปรากฏว่าเจ๊งไม่เป็นท่า จึงไม่มีใครกล้าไปประมูล ขณะที่ทางด้านผู้ประกอบการทีวีบอกรับสมาชิก ก็เจอกฎ Must have ที่บังคับออกฟรีทีวีอีก ก็กลายเป็นว่าลงทุนไปก็ไม่คุ้ม มีแววขาดทุนสูงมาก ส่งผลให้ฟุตบอลโลก 2018 จึงเกิดอิหลักอิเหลื่อ เพราะดูแล้วไม่มีเอกชนเจ้าไหนกล้าทุ่มมาถ่ายทอดให้คนไทยได้ดู พอไม่มีใครซื้อลิขสิทธิ์ ก็กลายเป็นปัญหาระดับชาติขึ้นมาทันที และเลี่ยงไม่ได้ที่ ภาครัฐจะต้องเข้ามาจัดการ ในฐานะที่ต้องคืนความสุขให้กับคนในชาติ และแม้สุดท้าย จะมีการใช้กำลังภายในของภาครัฐ ชวนเชิญภาคเอกชน 9 บริษัท อันประกอบไปด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด มาลงขันซื้อลิขสิทธิ์มาให้คนไทยได้รับชมฟรี โดยทางบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด เป็นตัวแทนในการถือลิขสิทธิ์ แต่กว่าจะได้สิทธิ์มาก็ผ่านมาถึงสิ้นเดือนเมษายนพอดี แต่ปัญหาไม่ได้มีแค่นั้น เพราะกว่าที่ กสทชจะอนุมัติ 3 ช่องทีวี ก็คือ ช่องหมายเลข 1 สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่องหมายเลข 34 อมรินทร์ ทีวี เอชดี และช่องหมายเลข 24 ทรูฟอร์ยู (True4U) ก็เมื่อปลายเดือน พคพอดี เมื่อความชัดเจนเพิ่งปรากฏก่อนหน้าการแข่งขันจะเริ่มเพียง 14 วัน ต้องยอมรับว่า การทำกิจกรรมการตลาดก็เกิดขึ้นน้อยมาก แถมยังมีดราม่าเล็กๆ จาก 3 ช่องทีวี ที่ได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดอีก เรื่องของวงการเลือกคู่การถ่ายทอดและเรื่องของสิทธิ การทำสื่อประชาสัมพันธ์และกิจกรรมเพื่อโปรโมตฟุตบอลโลกผ่านแคมเปญ รวมถึงการจัดทำอีเวนท์ต่างๆ ซึ่งสิทธิ์ที่ ทรู ได้รับการได้ลิขสิทธิ์เฉพาะเรื่องของโฆษณาในช่วงถ่ายทอดการแข่งขันเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ในการนำลิขสิทธิ์ที่ได้ไปทำเชิงพาณิชย์ ดังนั้นในส่วนเม็ดเงินที่จะเกิดบนอีเวนต์ในคราวนี้ก็มีเพียง Event Sponsor เป็นสปอนเซอร์ระดับโลก มีการเจรจาลิขสิทธิ์ตรงกับฟีฟ่ามาจากต่างประเทศ ไม่กี่เจ้าที่ทำได้ ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง ทำให้ผู้ที่หวังจะทำกิจกรรมฟุตบอลโลก คงจะทำอะไรไม่ได้มากนัก โดยฟุตบอลโลกปีนี้ ทาง มหอการค้า ก็คาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดราวๆ 17,901 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 4% ซึ่งต่ำกว่าประมาณการที่ควรจะเป็น เพราะจีดีพีที่เติบโตถึง 4% เงินควรสะพัดไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้าน เห็นได้ชัดเลยว่า เทศกาลฟุตบอลโลกที่เคยสร้างสีสันให้กับการตลาดและเศรษฐกิจของไทย กลับกลายเป็นการแข่งขันหงอย นั่งดูกันอยู่บ้านไปแล้ว แล้วถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่า ช่องไหน ถ่ายคู่อะไรบ้าง ใครรู้บอกผู้เขียนที...
สนาม: ไชน่าเดลี่
บทนำ: แม่เล้าวัย 17 ลวงเด็กหญิงวัย 14 จากอุบลราชธานีไปเที่ยวพัทยา แล้วบังคับให้ค้าประเวณีกับนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย เหยื่อหนีกลับบ้านก่อนเข้าแจ้งความ ตำรวจตามรวบได้ทั้งคู่ ดำเนินคดีข้อหาหนัก เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตตสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว, พลตตกรไชย คล้ายคลึง ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม) พร้อมตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจ 191, นักจิตวิทยา แถลงข่าวการจับกุมดำเนินคดีความผิดเรื่องค้ามนุษย์ หลังผู้ต้องหานำเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี มาค้าบริการทางเพศแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติย่านพัทยา โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นสบี อายุ 17 ปี แม่เล้า และผู้ซื้อบริการชาวอินเดีย 1 ราย พลตตสุรเชษฐ์กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า นสบี อายุ 17 ปี ได้ชักชวน ดญเอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กให้ไปเที่ยวที่พัทยา โดยให้พักอาศัยร่วมกับเด็กและผู้ใหญ่อีกหลายคนในโรงแรมแห่งหนึ่ง จากนั้นได้พาไปรับแขกชาวอินเดีย โดยรับเงินมา 5,000 บาท แบ่งให้ นสเอ 4,000 บาท ส่วน นสบี รับเงิน 1,000 บาท ต่อมา นสเอได้หลบหนีกลับไปบ้านที่ จอุบลราชธานี ก่อนที่ นสบีจะตามไปที่บ้านและอ้างว่า นสเอขโมยเงิน ต้องการให้กลับไปทำงานที่พัทยา แต่ครอบครัวไม่ยอมและได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นสบี จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลและเข้าช่วยเหลือเหยื่อได้ 4 ราย จากการสัมภาษณ์พบเข้าข่ายกระทำผิดค้ามนุษย์ 1 ราย ส่วนอีก 2 รายไม่เข้าข่าย จึงได้ส่งให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม) ดำเนินการดูแล และอีก 1 ราย คือ นสบี ทำหน้าที่เป็นแม่เล้า ตกเป็นผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีฐานกระทำการค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี ซึ่งเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี, เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม เป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และข้อหาอื่นๆ รวม 6 ข้อหา นอกจากนี้ยังดำเนินคดีกับนายปาร์มอด คูมาร์ สัญชาติอินเดีย ที่ร่วมประเวณีกับ ดญเอ รวม 3 ข้อหา คือ พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร, พาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เบื้องต้น ตำรวจ ปคบได้จัดพนักงานสอบสวนหญิงร่วมกับนักจิตเวชทำการสอบปากคำผู้ต้องหา แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานในการดำเนินคดีอย่างแน่นอน พลตตสุรเชษฐ์กล่าวว่า ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาจริงกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะเว็บไซต์สื่อลามกอนาจารต่างๆ มีการสั่งปิดไปแล้วกว่า 700 เว็บ และอยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของเว็บไซต์และผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ลิงค์ที่เป็นมิตรเวลาปัจจุบัน:2021-03-03